มาต่อกันกับ ทริปแสงเหนือหรรษา หมอพรทิพย์ สนับสนุนโดย Ufath168 อยู่อยู่การไปเที่ยวอันสงบสุข ของสมาชิกวุฒิสภา คนหนึ่ง ที่ลาประชุม เพื่อไปเที่ยวไอซเเลนด์ ทริปแสงเหนือ ก็กลายเป็นการท่องเที่ยว ที่เเสนวุ่นวายไป เมื่อมีคลิปวิดีโอ หมอพรทิพย์ ถูกผู้ชายคนหนึ่ง ไล่ออกจากร้านอาหาร ในต่างประเทศ ตามมาด้วยมหกรรม การขุดของคนไทย ที่มีคำถามว่าคุณหมอ ไปทำอะไรที่ไอแลน ทั้งที่รัฐสภา เปิดประชุมไปแล้ว และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย ที่ไปด้วยคืออะไร ไหนจะเรื่องราว ของมอสลาวา ที่คุณหมอพรทิพย์ ไปถ่ายรูปกลิ้งเกลือก อยู่ที่มอสอีก ปิดท้ายด้วยการโดนด่า แบบฉ่ำๆ ของคุณทิมพิธา ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ของกรณีหมอพรทิพย์ กรณีที่เกิดขึ้น ติดตาม หมอพรทิพย์ โดนคนไทยไล่ออกจากร้านอาหาร แล้วคุณหมอ ไปทำอะไร ไว้ทำไมคนไทยถึงด่า คุณหมอเยอะจัง คุณทิมไปพูดอะไรติดตาม ได้ในบทความนี้
ทริปแสงเหนือหรรษา หมอพรทิพย์ โดนขุดยับ
คุณพิธาโดนด่าฉ่ำ ขอประชาชนอดทน
เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นในวันที่ 30 กันยายน เมื่อมีคลิปวิดีโอหนึ่ง ที่มีผู้ชายคนหนึ่ง ไล่คุณหมอพรทิพย์ ออกจากร้านอาหาร อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของ ด้วยคำพูด ที่ค่อนข้างรุนแรง หลังจากที่คลิปวิดีโอ นี้เป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ไปก็มีคน ออกมาแสดงความคิดเห็น มากมายหลากหลาย แต่ส่วนมากก็คือ ขอบคุณเจ้าของร้านมาก ที่เป็นตัวแทนหมู่บ้าน แล้วก็ หลายคนก็เป็นกำลังใจ ให้กับคุณหมออ๋อง
ที่เป็นประธานสภาแทน เป็นการพูดติดตลกไปแทน นั่นเอง จากนั้นก็มีคนขุดรูป คุณหมอพรทิพย์ ที่ไปเที่ยวทริปครั้งนี้ มาในไอจี แต่ว่ารูปที่ถูกยกมา เป็นประเด็นเป็นรูปที่คุณหมอนอน อยู่บนลาวามอส เท่านั้นแหละเรื่องราว ดราม่าเรื่องที่สอง ก็ได้ปะทุขึ้น มอสเป็นพืชชนิดเดียว ที่สามารถเจริญเติบโต ได้บนลาวา และกว่าที่พืชชนิดนี้ จะฟูเป็นกำมะหยี่แบบที่เห็น ในรูปของคุณหมอพรทิพย์ได้
มันจำเป็นต้องใช้เวลามัน ไม่ใช่แค่วันหรือสองวัน ก็ฟูขึ้นมาเต็มเลย มันใช้เวลาเป็นปีๆ เรียกยังไงว่าพืชชนิดนี้ เปราะบางมาก เพราะฉะนั้น เวลาที่เราไปเที่ยวนักท่องเที่ยว จะไม่ได้รับอนุญาต ให้เราไปเหยียบ บนพืชมอสแบบนี้ เราจะทำได้แค่เดินตาม เส้นทางที่อุทยาน
เค้ากำหนดแล้วก็ กั้นอาณาเขตกว้าง เข้าไว้เท่านั้น และแน่นอนว่าการ ไปนอนกลิ้งเกลือก และถ่ายรูปบนพืชเหล่านี้มันก็ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับอนุญาตเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องดราม่าไป ว่าคุณหมอทำไม จะต้องไปนอน บนนั้นทำไม
หลังจากนั้นก็มีคุณหมอ ได้ออกมาให้ความรู้ ว่าพืชชนิดนี้โตช้ามาก การเหยียดย่ำ จะทำให้ร่องรอยการ ถูกกดทับอยู่ไปอีกนาน ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงติดป้ายไปตามทางเดิน มาห้ามเดินออกนอก อาณาเขตนั้นเอง
